ไก่ชนไฉนไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ

สัตว์เศรษฐกิจอยู่คู่กับเมืองไทยมานาน แวดวงไก่ชนได้เติบโตอย่างเร็ว

เจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ บิ๊กบอสก็อย่างกับตลาดค้าหุ้นของผู้ยากไร้ไม่ใช่สถานที่พนันเสมอ แต่เป็นสถานที่บรรเทาทุกข์ สร้างความสุขขำขันประสาประชาชน ได้มาเปลี่ยนแปลงวิชาความรู้ทัศนะ ทำการเกษตรทำไร่ทำสวนเสร็จ จะมีสักกี่ที่ให้ผ่อนคลาย ไม่ราวกับคนกรุงที่ได้เข้าห้างดูหนังฟังเพลง ด้วยเหตุใดจำเป็นต้องไปจำกัดให้ตีไก่ในสนามได้เดือนละเท่านั้นเท่านี้ครั้ง แทนที่จะช่วยเหลือให้พลเมืองเลี้ยงไก่ชน เลี้ยงหลายๆตัว สาเหตุก็ดี ที่ไม่มีแววก็เป็นของรับประทาน นี่ไม่ใช่ช่วยเหลือให้เล่นการพนัน แม้ว่าเกื้อหนุนจุนเจือให้ประชาชนเอาไก่มาเพิ่มราคา ยิ่งตีดีตีเก่งยิ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้ไก่ตัวเอง

ไก่ชนไทย 30-5-65

แม้ว่าจะมีข้อบัญญัติคือปัญหา แม้กระนั้นวงการไก่ชนได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ปริมาณสมาคมรักษาและก็เปลี่ยนแปลงไก่ประจำถิ่นไทย เท่าที่พอเพียงจะเก็บรวบรวมมาได้ในตอนนี้มีเกษตรกรเลี้ยงไก่ชนราว 2.6 ล้านคน เลี้ยงไก่ชน 18,243,877 ตัว คิดเป็นราคาทางเศรษฐกิจ 9,803 ล้านบาท และส่งออกปีละ 60 ล้านบาทไม่เพียงแค่เพิ่มราคาทางเศรษฐกิจเท่านั้น ผลบุญยังเผื่อแผ่มาถึงเกษตรกรไก่ชน 1 ตัว รับประทานอาหารเปลือกวันละ 50 กรัม ด้วยเหตุนี้ใน 1 ปี จำเป็นจะต้องใช้ข้าวเปลือก 332,950 ตัน คิดที่ข้าวเปลือกตันละ 10,000 บาท จึงควรใช้ข้าวเปลือกคิดเป็นราคาถึง 3,330 ล้านบาทแลเห็นปริมาณขนาดนี้แล้วมึนหัว เพราะเหตุใดภาครัฐและคนไทยเล็กน้อย ถึงไม่รับไก่ชนเป็นสัตว์เศรษฐกิจ

เพราะว่ายังใกล้กับภาพลบเดิมๆมองเป็นการพนันบ้างทรมาทรกรรมสัตว์บ้างขณะที่ระเบียบข้อบังคับหลายเรื่องยังอ้างอิงข้อกำหนดไดโนเสาร์ ที่ออกมากว่า60ปีดังเช่นบังคับเวลาตีได้เพียงแต่7นาฬิการุ่งอรุณถึง1ทุ่มในวันเสาร์-อาทิตย์ อาทิตย์เว้นอาทิตย์ ลงบัญชีสนามชนก็ยากแสนยากเลยทำให้บ้านเราไม่มีมาตรฐานอะไรก็ตามมารองรับเลย ทั้งยังสนามชน ฟาร์ม รวมทั้งซุ้มไก่…โดยเหตุนี้ การกำหนดที่มีความสำคัญในการรบวงการไก่ชนไทย ก็เลยเป็นภารกิจหลักของ สมาคมรักษาและปรับปรุงแก้ไขไก่แคว้นไทย ภายใต้การนำของ นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นายกสมาคมฯ ที่จะควรต้องเดินหน้ากันต่อไป.